ถ้าเอ่ยถึงเมนูน้ำหวานยอดฮิตในตอนนี้ หลายๆคนต้องร้องอ๋อ เพราะเชื่อว่าตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ชานมไข่มุก เครื่องดื่มสุดอร่อย แต่แฝงไปด้วยภัยร้ายมากมาย หากรับประทานแต่พอดี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจจะไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ถ้ารับประทานเป็นประจำ หรือมากกว่าวันละ 1 แก้วขึ้นไป จะส่งผลเสียให้กับร่างกายหลายทางด้วยกัน
โดยแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า คนที่จะดื่มชานมไข่มุก ต้องมีการประเมินตัวเองด้วยว่า ตัวเองนั้นมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือไม่ เพราะถ้าหากดื่มเป็นประจำ จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ด และจะนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดได้ เนื่องจากส่วนผสมของชานมไข่มุกต่อ 1 แก้ว ให้พลังงานกว่า 240-360 กิโลแคลอรี่ ซึ่งชานมไข่มุกแต่ละแก้ว จะมีส่วนผสมของ น้ำเชื่อม นมผง ไข่มุก และครีมเทียม โดยปริมาณพลังงานที่ได้รับของชานมไข่มุก 1 แก้วนั้น เท่ากับ ปริมาณพลังงานที่ได้รับของ ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม หรือเท่ากับ ข้าวปริมาณ 3-4 ทัพพี
ชานมไข่มุก 1 แก้วนั้น มีปริมาณพลังงานสูง เมื่อเทียบกับพลังงานจากการรับประทานอาหารปกติ 1 มื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะน้ำตาลที่อยู่ในชานมไข่มุกนั้น ถือเป็นพลังงานสูญเปล่า เพราะเป็นพลังงานเชิงเดี่ยว ที่ไม่ได้มีสารอาหารอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีหลายการศึกษาและการวิจัยระบุว่า การได้รับปริมาณน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง และเป็นปริมาณมาก จะทำให้ระดับน้ำตาล และระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด นอกจากนี้ ครีมเทียมที่ใส่ลงไปในชานม ส่วนใหญ่ผลิตจากไขมันปาล์ม ประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวสูง ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดเช่นเดียวกัน
หากต้องการดื่มชานมไข่มุกในวันนั้นๆจริงๆ ควรคำนึงถึงปริมาณที่จะได้รับ และลดปริมาณอาหารในกลุ่มข้าว ,แป้ง หรือน้ำตาลลง เพื่อให้ปริมาณน้ำตาลที่จะได้รับ มีปริมาณลดลง และไม่ควรดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำทุกวัน และควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายจะได้รับให้สมดุล
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์สื่อสารสาธารณะ /สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข