อัพเดทข่าว

ลงประกาศ รับสมัครงาน work from home กับแบบ Hybrid ต่างกันอย่างไร การทำงานแบบไหนเหมาะกับบริษัทของคุณ



       เชื่อว่าในปัจจุบันนี้มีหลายองค์กรที่กำลังมองหาพนักงาน หรือคนทำงาน ที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาทำงานในองค์กร แต่อาจจะกำลังสงสัยว่า ควร รับสมัครงาน work from home หรือควรเปิดรับสมัครงานแบบปกติ อย่างการเข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศ หรือเลือกให้คนทำงานเข้ามาทำงานแบบ Hybrid ดี วันนี้ Jobmyway จึงอยากพาทุกคนไปดู ว่าการ รับสมัครงาน work from home ต่างจากแบบธรรมดา (Onsite) และแบบ Hybrid อย่างไร และการ สัมภาษณ์งาน จะมีความแตกต่างกันหรือไม่ ตามไปดูกัน


1.รับสมัครงาน work from home ดีอย่างไร?
       - การทำงานแบบ Work From Home คืออะไร
       การทำงานแบบ Work From Home หรือในบางที่อาจเรียกว่า Work From Anywhere หรือ Remote เป็นการทำงานที่คนทำงาน สามารถทำงานที่ใดก็ได้บนโลก โดยอาจมีการระบุเวลาเข้างาน หรือไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ โดยมุ่งเน้นไปที่ผลงาน การส่งงานตรงเวลาเป็นหลัก โดยองค์กรที่เหมาะกับการทำงานแบบ Work From Home เลยก็คือองค์กรที่สามารถทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็น เอเจนซี่ , การทำการตลาดออนไลน์ , การขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ , การขายบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น ซึ่งสามารถใช้การประชุมงานออนไลน์ และการสัมภาษณ์งานออนไลน์ได้ โดยไม่กระทบกับงาน ซึ่งการทำงานแบบนี้อาจไม่เหมาะกับองค์กรที่จำเป็นต้องพบเจอหน้ากันในการทำงาน อย่างการขายสินค้าออฟไลน์ งานบริการ ร้านอาหาร เป็นต้น

       ข้อดีของการทำงานแบบ Work From Home
       ● องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่า หรือจัดการออฟฟิศ
       ● คนทำงานประหยัดค่าเดินทาง และเวลาในการเดินทาง
       ● ลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อโควิด 19
       ● ลดโอกาสในการเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานของคนทำงาน
       ● คนทำงานมีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น
       ● สามารถจ้างงานคนทำงานได้หลากหลาย เพราะไม่มีเรื่องระยะทางมาเกี่ยว
       ● คนทำงานได้สิทธิประกันสังคม

       ข้อเสียของการทำงานแบบ Work From Home
       ● อาจเกิดปัญหาในการสื่อสาร
       ● อาจเกิดความล่าช้าในการทำงาน
       ● ไม่สามารถทำงาน Work From Home ได้ทุกตำแหน่งงาน
       ● อาจเกิดปัญหาในการใช้ Internet หรือการใช้โปรแกรมต่างๆ
       ● อาจขาดปฏิสัมพันธ์กันในองค์กร


2.การรับสมัครงานแบบธรรมดา (Onsite)  ดีอย่างไร?
       - การทำงานแบบ Onsite คืออะไร
       การทำงานแบบธรรมดา หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ การทำงานแบบ Onsite เป็นการทำงานแบบพื้นฐานที่หลายๆคนน่าจะเคยสัมผัสกับการทำงานในรูปแบบนี้กันมาแล้ว นั่นก็คือการเดินทางเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยให้การติดต่อสื่อสารในการทำงาน เป็นไปได้ด้วยความราบรื่น สามารถจบงานได้ง่าย เหมาะกับงานที่จำเป็นต้องเจอกันในบุคคลจริง เช่น งานบริการ การค้าขาย งานโปรดักชั่น ที่ต้องมีการถ่ายทำ เป็นต้น โดยการทำงานในลักษณะนี้ผู้สัมภาษณ์งาน สามารถสัมภาษณ์งานทั้งแบบออนไลน์ หรือนัดสัมภาษณ์งานที่องค์กรก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

       ข้อดีของการทำงานแบบ Onsite
       ● สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้ตลอดเวลา
       ● หมดปัญหาการสื่อสารขัดข้อง จากปัญหา Internet
       ● คนทำงานในองค์กรมีการปฏิสัมพันธ์กัน
       ● คนทำงานได้สิทธิประกันสังคม

       ข้อเสียของการทำงานแบบ Onsite
       ● สภาพแวดล้อมในการทำงานอาจส่งผลต่อการทำงาน
       ● คนทำงานอาจเสียสมาธิในการทำงาน
       ● องค์กรต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในอุปกรณ์สำนักงานและค่าเช่าต่างๆ
       ● อาจทำให้คนทำงานเกิดภาวะหมดไฟ
       ● เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด 19
       ● อาจเป็นการจำกัดคนทำงาน เพราะจำเป็นต้องจ้างคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น


3.การรับสมัครงานแบบ Hybrid ดีอย่างไร?
       - การทำงานแบบ Hybrid คืออะไร
       ลักษณะการทำงานแบบ Hybrid อาจเป็นลักษณะการทำงานใหม่ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้จัก เนื่องจากเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีหลังจากเกิดภาวะ โควิด 19 ที่ทุกคนจำเป็นต้องทำงาน หรือ  รับสมัครงาน work from home แต่เมื่อภาวะโควิด ได้ลดลงแล้ว หลายๆบริษัทได้เริ่มกลับมาให้คนทำงานได้เข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศ และยังคงการทำงานที่บ้านเอาไว้ เพื่อให้คนทำงานมีอิสระ และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น จึงเป็นที่มาของลักษณะการทำงานแบบ Hybrid นั่นเอง โดยองค์กรที่สามารถรับสมัครงานในรูปแบบนี้ได้ จำเป็นต้องมีออฟฟิศที่ใช้นั่งทำงาน และมีคนทำงานในองค์กร ที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากที่ตั้งของบริษัทมากนัก การทำงานในลักษณะนี้จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ เนื่องจากได้มีการพบปะเพื่อพูดคุยแบบ Onsite และมีวันที่ให้คนทำงานได้มีสมาธิในการทำงาน แบบ Work From Home จึงทำให้หลายๆองค์กรในปัจจุบัน เลือกรับสมัครงาน และสัมภาษณ์งานในแบบ Hybrid มากขึ้น

       ข้อดีของการทำงานแบบ Hybrid
       ● สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้ตลอดเวลา
       ● คนทำงานในองค์กรมีการปฏิสัมพันธ์กัน
       ● ลดปัญหาคนทำงานหมดไฟ
       ● ลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อโควิด 19
       ● คนทำงานได้สิทธิประกันสังคม

       ข้อเสียของการทำงานแบบ Hybrid
       ● องค์กรต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในอุปกรณ์สำนักงานและค่าเช่าต่างๆ
       ● อาจเป็นการจำกัดคนทำงาน เพราะจำเป็นต้องจ้างคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น
       ● ไม่สามารถทำงาน Work From Home ได้ทุกตำแหน่งงาน
       ● อาจเกิดปัญหาในการใช้ Internet หรือการใช้โปรแกรมต่างๆ


4.การรับสมัครงานแบบ Freelance ดีอย่างไร?
       - การทำงานแบบ Freelance คืออะไร
       ลักษณะการทำงานแบบ Freelance เป็นอีกหนึ่งการทำงานที่หลายๆองค์กรสนใจ และเริ่มรับสมัครพนักงานในตำแหน่งนี้กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นการจ้างแบบสัญญาจ้าง อาจมีการระบุระยะเวลาการทำงาน หรือระบุเป็นโปรเจค หรือไม่มีการระบุเลยก็ได้ โดยคนทำงาน ไม่จำเป็นต้องมีเวลาเข้างาน เน้นการดูผลงาน และความตรงเวลาในการส่งงานเป็นหลัก ซึ่งการทำงานแบบ Freelance เป็นการทำงานที่สามารถทำงานเป็นแบบออนไลน์ได้ หรือสามารถเข้ามานั่งทำงานที่ออฟฟิศได้เช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างจากการทำงานแบบ Hybrid ตรงที่เป็นการจ้างงานเพียงชั่วคราวเท่านั้น

       ข้อดีของการทำงานแบบ Freelance
       ● คนทำงานมีอิสระในการทำงาน
       ● ลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อโควิด 19
       ● เป็นการจ้างงานแบบชั่วคราว

       ข้อเสียของการทำงานแบบ Freelance
       ● คนทำงานไม่มีสิทธิ์ในประกันสังคม


เทคนิคการรับสมัครงาน และการสัมภาษณ์งานที่องค์กรควรรู้
       ● รวบรวมข้อมูลตำแหน่งงาน และหน้าที่ ที่ต้องการ
       ขั้นตอนแรกของการ รับสมัครงาน work from home หรือแบบอื่นๆเลยก็คือ การเริ่มรวบรวมข้อมูลของตำแหน่งงานที่องค์กรต้องการ และจดออกมาเป็นลิสต์ให้ชัดเจน เช่น หากต้องการบุคลากรที่สามารถทำคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และสามารถถ่ายหรือตัดต่อวิดีโอได้ ก็อาจจำเป็นต้องจ้างงาน 2 ตำแหน่งเลยก็คือ ตำแหน่ง Content Creator ที่อาจเป็นการทำงานแบบ Work From Home และอีกตำแหน่งหนึ่งเลยก็คือ Videographer and Editor ซึ่งอาจระบุให้เป็นงาน Hybrid หรือ Onsite เป็นต้น

       ● จัดทำใบประกาศ หรือโพสต์รับสมัครงานให้น่าสนใจ
ขั้นตอนต่อมาเลยก็คือ การจัดทำประกาศรับสมัครงาน หรือการเขียนโพสต์รับสมัครงาน โดยควรระบุ ชื่อบริษัท สถานที่ตั้งองค์กร ประวัติคร่าวๆของบริษัท ตำแหน่งงานที่ต้องการเปิดรับ ประเภทของงานที่ต้องการรับ เช่น Hybrid เข้าออฟฟิศ 3 วัน ต่อสัปดาห์ / Work From Home 2 วัน หยุดเสาร์-อาทิตย์ ตำแหน่งหน้าที่ของการทำงานที่ต้องรับผิดชอบ หรือข้อมูลอื่นๆที่จำเป็น เพื่อให้คนสมัครงานสามารถเข้าใจในงานมากขึ้น

       ● หาแหล่งประกาศรับสมัครงานที่เหมาะสมและน่าเชื่อถือ
หากองค์กรโพสต์ประกาศรับสมัครงานในแพลตฟอร์มที่ดูไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจส่งผลให้คนทำงานไม่กล้าเข้ามาสมัครงานเท่าที่ควร เนื่องจากในปัจจุบันได้มีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์กับคนทำงาน ที่ต้องการสมัครงานกันมากขึ้น การเลือกแหล่งประกาศรับสมัครงานที่น่าเชื่อถือ และปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญ เช่น เว็บ Jobmyway ก็เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์สมัครงานที่มีความปลอดภัยสูง มีความน่าเชื่อถือ และสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการค้นพบกับคนทำงานที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน

       ก็จบลงไปแล้วกับบทความ ลงประกาศ รับสมัครงาน work from home กับแบบ Hybrid ต่างกันอย่างไร การทำงานแบบไหนเหมาะกับบริษัทของคุณ หวังว่าเจ้าของธุรกิจ หรือองค์กรที่กำลังมองหาคนทำงาน อาจสามารถตัดสินใจในการจ้างคนทำงาน แบบ Work From Home แบบ Freelance , แบบ Onsite หรือแบบ Hybrid ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่มากก็น้อย  ในครั้งหน้าเราจะพาไปชมเทคนิคอะไรดีๆอีก อย่าลืมติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงาน และการหางานทำได้ที่ Jobmyway หรือเพจ Jobmyway

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆได้ที่นี่
15 วิธีพัฒนา Soft Skill ด้วยการอัพ EQ
30 สกิล ที่มีไว้ ยังไงก็หางานได้
รวม Trend ใหม่ที่วัยทำงานไม่ควรพลาด ในปี 2023
30 ภาษากายที่ไม่ควรใช้ ตอนสัมภาษณ์งาน
25 เทคนิคสมัครงานให้ได้งาน ในคนอายุ 35+

อัพเดตล่าสุดเมื่อ : 12 กรกฎาคม 2566
ผู้อัพเดต : petchzst

ติดต่อเรา

ช่วยเหลือ
โทร : 02-216-1545
ติดต่อฝ่ายขาย
โทร : 062-224-4795 (เล็ก)
โทร : 062-224-4897 (ส้ม)
Line : @jobmyway
อีเมล์ : info@jobmyway.com
JobMyWay © สงวนลิขสิทธิ์ทั่วโลก