ภายหลังจาก ครม.เห็นชอบในหลักการมาตรการลดค่าครองชีพ และมาตรการลดภาระราคาพลังงาน เคาะ "10 มาตรการลดค่าครองชีพ" ให้กับประชาชนจากสถานการณ์สงครามระหว่างยูเครน - รัสเซีย ในช่วง 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค. - ก.ค.2565 หนึ่งในมาตรการนั้นคือการลดเงินสมทบ "ประกันสังคม" ผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40
ล่าสุด นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมร่วมดำเนินการ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตนในยามเดือดร้อนในสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะส่งผลให้ผู้ประกันตน สามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้เพิ่มกระแสเงินสดให้ผู้ประกันตนมีสภาพคล่องมากขึ้น
หากลูกจ้างผู้ประกันตนติดเชื้อต้องรักษาตัวไม่สามารถประกอบอาชีพได้ทำให้ขาดรายได้ อีกทั้งมาตรการดังกล่าวจะเป็นการ ลดปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้กับนายจ้าง เพิ่มศักยภาพในการรักษาการจ้างงานส่งผลให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
เงินสมทบ ที่ลดลงมากกว่า 30,000 ล้านบาท จะกลายเป็นเม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อไป
สำหรับประเด็นของการลดเงินสมทบ จะมีผลกระทบเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวนั้น ตนขอเรียนว่า กองทุนประกันสังคม มีเงินสำรองสามารถนำมาบริหารสภาพคล่องได้ในระยะยาว และที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้พิจารณาการลงทุน โดยนักลงทุนมืออาชีพอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่พี่น้องผู้ประกันตนที่เป็นเจ้าของเงินกองทุนร่วมกัน และได้มีการเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทนของกองทุนฯ ให้ทราบทั้งรายปีและรายไตรมาส ผ่านทางเว็บไซต์ สปส. www.sso.go.th
โดยการลงทุนมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผลการบริหารกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ดอกผลสะสมจากการลงทุนกว่า 8.34 แสนล้านบาท จึงขอให้พี่น้องผู้ประกันตนทุกท่านเชื่อมั่นในเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมว่ามีเพียงพอต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนในระยะยาวอย่างแน่นอน รวมถึงไม่กระทบกับบำนาญที่จะได้รับในอนาคต
ด้านนายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน ในฐานะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณและติดตามการใช้งบประมาณประกันสังคม กล่าวถึงการลดเงินสมทบ "ประกันสังคม" เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนพี่น้องแรงงานจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนที่ออกมานั้นว่า
มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเดือนละประมาณ 9,000 ล้านบาท จ่ายเงินบำนาญประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1.8 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันในปี 2564 ที่ผ่านมา "ประกันสังคม" ได้ดอกเบี้ย และผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจได้ว่ามาตรการดังกล่าว ไม่กระทบต่อเงินชราภาพของผู้ประกันตนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบเงินสะสมกรณีชราภาพ ตามช่องทางผ่านเว็บไซต์ สปส. หรือที่ sso connect และทางแอพพลิเคชั่นไลน์ @ssothai สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ สายด่วน 1506 ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
Cr. bangkokbiznews