อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า ในการทำงาน ตัวเนื้องานเรามักจะเอาอยู่ แต่ไอ้คนที่อยู่รอบ ๆ งานนี่สิ ที่เอาไม่ค่อยจะอยู่ จะว่าไปก็เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมนั่นเอง จึงไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างโดดเดี่ยว จำเป็นต้องอิงกลุ่มอิงฝูงไว้ตามหลักธรรมชาติ อยู่บ้านก็ต้องมีครอบครัว อยู่ในวงสังคมก็ต้องมีเพื่อน และเมื่ออยู่ในที่ทำงานซึ่งเรา ๆ ใช้เวลาครึ่งวันหรือปาเข้าไปค่อนวัน ก็ต้องมีผู้คนมากมายหลายหลากมาเกี่ยวข้อง การที่มีคนมากกว่าสองคนขึ้นไปมาอยู่ร่วมกัน แน่นอนมันต้องมีกติกาที่จะรักษาระยะความสัมพันธ์ให้ราบรื่นยืนยาว อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อการดำเนินชีวิตในที่ทำงานอย่างมีความสุข และยิ่งไปกว่านั้นก็คือก้าวถึงเป้าหมายในงานได้อย่างราบรื่น แล้วคนในออฟฟิศที่มาเกี่ยวข้องกับเรา มีใครบ้างล่ะ
1.หัวหน้า ถ้าคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้า แน่นอน การให้เกียรติคือสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาคาดหวังว่าจะได้รับ ทั้งยังรวมไปถึงความเกรงใจ แต่...ไม่ใช่ความเกรงกลัว เราอาจจะเคยเห็นความสัมพันธ์ของหัวหน้าลูกน้องที่เป็นไปเหมือนแมวกลัวสุนัข หรือหนูกลัวแมว หากแต่นั่นไม่ใช่รูปแบบความสัมพันธ์ที่โอเคเลย การเป็นลูกน้องที่เคารพให้เกียรติ เห็นต่างได้แต่ไม่ก้าวร้าว คือลูกน้องในอุดมคติที่หัวหน้าหลาย ๆ คนคาดหวัง และยิ่งถ้ารับผิดชอบงานไม่ตกหล่น มีพัฒนาการในบทบาทหน้าที่ ก็ถือว่าเป็น value added เลยทีเดียว
2.ลูกน้อง ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นหัวหน้าคน คงน่าจะเคยได้ยินคำว่า "จะเลี้ยงด้วยพระเดชหรือเลี้ยงด้วยพระคุณ" จริงอยู่...ในยุคนี้คอนเซปท์แนว ๆ นี้อาจจะเอาท์ไปแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ การแสดงออกของหัวหน้าที่เปิดกว้างพร้อมรับฟังลูกน้องทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ก็ยังสร้างอินไซท์ที่ใกล้ ๆ กับความรู้สึกว่ามีพระคุณ มากกว่าการแสดงออกของหัวหน้าที่ดูเฮี้ยบเหวี่ยงดุได้เสียทุกเรื่องไป และที่สำคัญการที่คุณเป็นหัวหน้า ชื่อตำแหน่งก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นหัวคิด และต้องออกหน้ารับผิดก่อนลูกน้อง จึงพูดได้ว่า หัวหน้าที่มีสภาวะความเป็นผู้นำ ที่ทั้งฉลาดและมีสปิริตจึงเป็นหัวหน้าในอุดมคติของลูกน้องทั้งหลายเช่นกัน
3.เพื่อนร่วมงาน อันนี้นิยามกว้างขวางมากหน่อย มันหมายรวมตั้งแต่คนทำงานร่วมแผนกที่นั่งข้างโต๊ะไกลโต๊ะ คนทำงานคนละแผนกแต่ร่วมบริษัท ไปจนถึงบางตำแหน่งที่เราลืมไปว่าเขาเป็นพนักงานร่วมบริษัท อาทิ แม่บ้าน รปภ. แมสเซ็นเจอร์ ว่าถึงเพื่อนร่วมแผนกที่นั่งกระจุกอยู่ในห้องเดียวกัน จะสนิทกันแค่ไหนก็ต้องมีระยะของความเกรงใจ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็น ๆ กันในยุคที่เราใช้แอพพลิเคชั่น instant message เป็นช่องทางการสื่อสารหลัก การมีเสียง notice ดังระงม ๆ เป็นระยะ ๆ เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง ในขณะทำงานสมาธิเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ให้มันแค่สั่นเตือน ไม่พลาดการติดต่อ แล้วยังทำให้คนรอบข้างรับรู้ว่าคุณเป็นคนน่ารัก กับเพื่อนร่วมบริษัทแต่คนละแผนก จะเป็นแผนกที่คุณต้องดีลด้วยหรือชาตินี้ไม่มีแนวโน้มว่าจะต้องดีลด้วย การยิ้มแย้มทักทาย หรือตัวตนไม่ได้เป็นคนยิ้มพร่ำเพรื่อ แค่ท่าทีที่เป็นมิตรก็ช่วยผูกมิตร(ภาพ) ให้ไม่รู้สึกเป็นเลือดต่างสีไม้ต่างพันธุ์ รักกันไว้ดีกว่า เราบริษัทเดียวกันเนาะ พอพูดถึงตรงนี้ก็อยากจะลามเลยไปถึงพนักงานที่คุณอาจจะลืมเขาไป เช่น แม่บ้าน ยาม แมสเซ็นเจอร์ เชื่อหรือไม่ว่า คำขอบคุณหรือรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่คุณมีให้ ก็สามารถสร้างความสุขความประทับใจอันยิ่งใหญ่ให้เขาได้ นอกจากนี้การใช้สิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน เช่นเครื่องถ่ายเอกสาร ตู้เย็น ก็ควรจะแสดงออกซึ่งมารยาทและน้ำใจ เช่น การให้คนอื่นแทรกถ่ายเอกสารจำนวนสองสามแผ่นในขณะที่คุณต้องถ่ายเอกสารปึกใหญ่เป็นสารานุกรม หรือการไม่มักง่ายไปบริโภคอาหารเครื่องดื่มของคนอื่นที่แช่ไว้ในตู้เย็นส่วนกลาง
4.มนุษย์ร่วมตึก อาจจะ "เยอะ"เกินไปถ้าจะยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับทุกคนในตึก แต่การแสดงความเป็นผู้มีน้ำใจและมีมารยาทก็เป็นการสร้างเสน่ห์ให้คุณได้อย่างเหมาะเจาะ เช่น การเข้าคิวใช้ลิฟท์ตอนช่วงพักเที่ยงที่อุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน หรือการไม่พูดจาเสียงดังกับเพื่อนร่วมบริษัทในลิฟท์ที่บรรจุคนอยู่แน่นขนัด
การมีกฎ กติกา มารยาทกับผู้คนที่อยู่แวดล้อมในชีวิตการทำงาน นอกจากจะเป็นการบริหารเสน่ห์ให้คุณเป็นคุณที่"เข้าท่า" ยังเป็นการบริหารจัดการชีวิตให้คุณ"เข้าทาง"ความสำเร็จอีกทางหนึ่งด้วย
#jobmyway #ไปถูกทางงานถูกใจ #หางาน